top of page
ค้นหา

เมื่อสุนัขเดินกะเผลกขาหน้า ควรทำอย่างไรและเมื่อไรควรพบสัตวแพทย์

  • รูปภาพนักเขียน: manotham phummai
    manotham phummai
  • 2 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 15 ชั่วโมงที่ผ่านมา

หากคุณสังเกตว่าเจ้าตูบของคุณมีอาการ สุนัขเจ็บขาหน้า หรือเริ่ม สุนัข เดิน กะเผลก ขาหน้า โดยไม่ใช่เรื่องปกติ นั่นคือสัญญาณเตือนที่ควรให้ความสนใจทันที ถึงแม้บางครั้งอาการเหมือนจะอยู่ที่ขาหน้า แต่ก็อาจมีความเชื่อมโยงกับปัญหาที่ ขาหลัง หรือแม้แต่ สุนัขขาหหลังอ่อนแรง ได้เช่นกัน การสังเกต และการจัดการตั้งแต่ต้นจะช่วยให้ดูแลได้อย่างถูกต้องและลดผลกระทบระยะยาว


ree

สาเหตุที่พบบ่อยของอาการเดินกะเผลกขาหน้า

  • การบาดเจ็บเฉียบพลัน เช่น การกระโดดลงผิดจังหวะ, ขาหน้าชน หรือเล็บ / อุ้งเท้าเป็นแผล – สาเหตุนี้มักเป็นเหตุให้ สุนัขเจ็บขาหน้า และเดินกะเผลกทันทีได้

  • ปัจจัยค่อยเป็นค่อยไป เช่น โรคข้อเสื่อม (osteoarthritis) ที่ขาหน้า หรือปัญหาโครงสร้างร่างกาย เช่น ข้อศอก/ไหล่ เป็นต้น – ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลให้สุนัขเริ่มมีอาการ สุนัข เดิน กะเผลก ขาหน้า โดยไม่รู้สาเหตุชัดเจน

  • ความสัมพันธ์กับปัญหาขาหลังหรืออาการ สุนัข เดิน กะเผลก ขาหหลัง หรือ สุนัขขาหหลังอ่อนแรง – แม้จะดูเหมือนปัญหาอยู่ขาหน้า แต่โครงสร้างร่างกายและกล้ามเนื้อที่เชื่อมโยงอาจทำให้เกิดอาการที่ขาหลังร่วมด้วย หรือสลับข้างได้เช่นกัน


สัญญาณเตือนที่ควรสังเกต

  • เจ้าสุนัขเริ่มไม่ใช้ขาหน้าข้างหนึ่ง หรือเดิน / ยืน / ลุกนั่งลำบาก

  • มีอาการ “สุนัขเจ็บขาหน้า” เช่น เลียขาหน้า, ร้องเสียงดังเมื่อสัมผัสขาหน้า, บวม หรือแดงที่ขาหน้า

  • อาการเดินกะเผลกที่เริ่มจากขาหน้า แล้วอาจมีอาการขาหลังร่วม เช่น สุนัข เดิน กะเผลก ขาหหลัง, สุนัขขาหหลังอ่อนแรง หรือยกขาหลังขึ้นบ่อยๆ

  • ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 24-48 ชั่วโมง หรือมีอาการแย่ลง เช่น ขาหน้าหรือขาหลังแข็ง, เล่นน้ำหนักไม่เท่า, ไม่อยากเคลื่อนไหว – ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์


เมื่อไรควรพบสัตวแพทย์ทันที

  • เมื่ออาการเกิดทันทีหลังจากเหตุการณ์บาดเจ็บ เช่น ตกจากที่สูง, ถูกชน, กระดูกหักหรือขาหน้า / ขาหลังบิดผิดรูป

  • ถ้าอาการเดินกะเผลก หรือการใช้ขาหน้า / ขาหลังลดลงอย่างชัดเจน และไม่ดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง – ต้องพบสัตวแพทย์

  • ถ้ามีอาการร่วม เช่น ไข้, ซึม, ไม่กินอาหาร, เลือดออก หรือบวมมากที่ขาหน้า/ขาหลัง

  • ถ้ามีอาการ สุนัขขาหหลังอ่อนแรง ร่วมด้วย – เป็นสัญญาณว่าอาจไม่ใช่แค่ขาหน้า แต่มีปัญหาโครงสร้างใหญ่กว่านั้น ควรตรวจอย่างละเอียด


การดูแลเบื้องต้นที่บ้าน (ก่อนพบสัตวแพทย์)

  • ให้พักสุนัข ไม่ให้กระโดด วิ่ง หรือขึ้น-ลงบันไดมาก ๆ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนเพิ่ม

  • ตรวจดูอุ้งเท้า เล็บ ขาหน้า / ขาหลังที่มีปัญหา – มีแผล, สิ่งแปลกปลอม, เล็บหักไหม

  • ปรับพื้นที่เดินให้ปลอดภัย เช่น พรมไม่ลื่น, ไม่มีบันไดชัน,ใช้ลูกกรงหรือรั้วกั้นพื้นที่สำหรับเดิน

  • ควบคุมน้ำหนักตัวสุนัขให้เหมาะสม เพราะน้ำหนักเกินจะเพิ่มภาระที่ขาหน้า และขาหลังได้

  • อย่า ให้ยาแก้ปวดหรือยาอะไรโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากสัตวแพทย์ เพราะอาจมีผลข้างเคียงหรือซ่อนสาเหตุที่แท้จริง


การรักษาและดูแลระยะกลาง-ยาว

  • หากสัตวแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคข้อเสื่อม หรือปัญหาเรื้อรังที่ขาหน้า/ขาหลัง – จะมีการรักษาเช่น ยาแก้ปวด/ลดอักเสบ, ฟิสิโอเทอราพี, รีฮาบิลิเทชัน, อาหาร/สารเสริมข้อ เป็นต้น

  • ปรับสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสม เช่น พื้นไม่ลื่น, มีทางลาดช่วยขึ้น-ลง, ใช้พรมหรือแผ่นรองสำหรับพื้นลื่น

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอแต่ไม่หักโหม เช่น เดินช้า ๆ, ริมสวน, ไม่ให้กระโดดแรง ๆ

  • ตรวจสุขภาพประจำปีโดยเฉพาะสำหรับสุนัขอายุมากขึ้น เพราะ “สุนัข เจ็บขาหน้า” หรือเดินกะเผลกอาจมาจากปัญหาเรื้อรังที่ตรวจเจอได้ล่วงหน้า


เมื่อคุณเจออาการ สุนัขเจ็บขาหน้า หรือ สุนัข เดิน กะเผลก ขาหน้า, หรือพบร่วมกับอาการ สุนัข เดิน กะเผลก ขาหหลัง / สุนัขขาหหลังอ่อนแรง อย่ามองว่าเป็นแค่ชั่วคราว เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหารุนแรงได้ การดูแลช่วงแรกด้วยตัวเอง ให้น้ำหนักพักเพียงพอ และเตรียมพบสัตวแพทย์ทันเวลา จะช่วยให้สุนัขของคุณกลับมาเดิน วิ่ง เล่นได้อย่างสบายขึ้นครับ

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page