โรคระบบประสาทในสุนัขและแมวสัญญาณเตือนและแนวทางการดูแล
- manotham phummai
- 6 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที

โรคระบบประสาทในสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมวเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนอาจไม่รู้ว่ากำลังเกิดขึ้น เพราะอาการแสดงออกอาจดูไม่ชัดเจน หรือเข้าใจผิดว่าเป็นปัญหาเรื่องพฤติกรรม บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจโรคเหล่านี้ในแบบที่อ่านง่าย เข้าใจได้แม้ไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์
ระบบประสาทคืออะไร?
ระบบประสาทคือ "เครือข่ายสื่อสารของร่างกาย" ทำหน้าที่ส่งสัญญาณควบคุมการเคลื่อนไหว การตอบสนอง ความรู้สึก และพฤติกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย:
สมอง (Brain)
ไขสันหลัง (Spinal cord)
เส้นประสาท (Nerves) ที่แผ่ออกไปตามร่างกาย
หากเกิดความผิดปกติที่ใดที่หนึ่งในระบบนี้ ก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของสัตว์ทันที
สัญญาณเตือนโรคระบบประสาทในสุนัขและแมว
การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดคือกุญแจสำคัญ ลองเช็กว่าแมวหรือสุนัขของคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่:
เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ หรือขาอ่อนแรง
มีอาการชัก หรือกระตุกผิดปกติ
เอียงหัวหรือหมุนตัวซ้ำ ๆ
ตอบสนองช้าหรือไม่สนใจสิ่งรอบตัว
กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้
ตาเบี้ยว หนังตากระตุก หรือกลอกตาเร็ว
กล้ามเนื้อเกร็ง หรือลีบลงอย่างรวดเร็ว
เสียงเปลี่ยน กลืนอาหารลำบาก
สาเหตุของโรคระบบประสาท
การบาดเจ็บ เช่น รถชน ลื่นล้ม หรือถูกกัด
การติดเชื้อ เช่น พิษสุนัขบ้า หรือไวรัสในแมว
เนื้องอกหรือก้อนในสมอง
โรคกรรมพันธุ์ เช่น เส้นประสาทเสื่อมในบางสายพันธุ์
การอักเสบของไขสันหลังหรือสมอง
ภาวะชรา ทำให้เซลล์ประสาทเสื่อมสภาพ
การขาดสารอาหารหรือวิตามิน B1, B12
สารพิษ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือยาที่กินผิดโดส
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัย
สัตวแพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการใช้เทคโนโลยีร่วม เช่น:
MRI หรือ CT Scan: ตรวจดูโครงสร้างภายในสมองหรือไขสันหลัง
เจาะน้ำไขสันหลัง: ตรวจหาการติดเชื้อหรืออักเสบ
ตรวจเลือด: ดูการทำงานของร่างกายและสารที่เกี่ยวข้อง
การรักษา
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ เช่น:
ยาลดอักเสบหรือสเตียรอยด์: ลดการบวมของสมองหรือไขสันหลัง
ยากันชัก
การผ่าตัด หากมีเนื้องอกหรือหมอนรองกระดูกกดทับ
กายภาพบำบัด
การบำบัดด้วยสเต็มเซล (Stem Cell Therapy): แนวทางใหม่ที่เริ่มใช้มากขึ้นในการฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสียหาย ช่วยให้สัตว์ฟื้นตัวได้ดีขึ้นในบางกรณี
การดูแลสัตว์เลี้ยงหลังการรักษา
รักษาความสะอาด และดูแลไม่ให้ลื่นล้ม
อาหารเหมาะสม เสริมวิตามิน B และโอเมก้า 3
สังเกตพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด
พาไปตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ฝึกฟื้นฟูด้วยการนวดหรือกายภาพเบา ๆ ภายใต้คำแนะนำของสัตวแพทย์



ความคิดเห็น